×

กรุณาใส่รหัสผ่าน

×

แก้ไข index.html

ฝ่ายค้านพร้อมลุย!

พริษฐ์ วัชรสินธุ ชี้ชัด กลไก ม.151 คืออาวุธที่ต้องใช้ให้แม่นยำ ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนระอุ

จุดยืนพรรคประชาชน: การตรวจสอบรัฐบาลด้วยกลไกสภา

พริษฐ์ วัชรสินธุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่งในขณะนี้ โดยเฉพาะภายหลังพรรคภูมิใจไทยได้ประกาศเจตจำนงในการยื่นขอเปิดอภิปรายฯ ตามกลไกดังกล่าวเมื่อมีการเปิดสมัยประชุมสภา

"ต้องขอบคุณพรรคร่วมฝ่ายค้านน้องใหม่อย่างพรรคภูมิใจไทย ที่ใช้วิธีการเชิญชวนพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นผ่านสื่อมวลชน ตามที่พรรคภูมิใจไทยมีข้อเสนอขึ้นมา ในมุมของพรรคประชาชน เราวางไว้ 3 หลักการสำคัญในการดำเนินการเรื่องนี้" พริษฐ์กล่าว โดยได้ขยายความถึงหลักการทั้งสามข้อดังนี้

หลักการที่ 1: การใช้ทุกกลไกตรวจสอบ

ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน เรายืนยันที่จะใช้ทุกกลไกของสภาในการตรวจสอบรัฐบาล เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน

หลักการที่ 2: ความแม่นยำของอาวุธ ม.151

มาตรา 151 เป็นอาวุธที่ทรงพลัง แต่ต้องใช้อย่างแม่นยำ เนื่องจากใช้ได้เพียงครั้งเดียวต่อปีสมัยประชุม

หลักการที่ 3: การทบทวนตนเองของผู้นำ

รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีควรใช้เวลาทบทวนการทำงาน และหากไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้ การยุบสภาคือทางออกที่ดีที่สุด

พริษฐ์เน้นย้ำว่า ท่ามกลางสภาวะที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มสูญเสียความไว้วางใจต่อรัฐบาลมากขึ้น พรรคประชาชนพร้อมเป็นตัวแทนในการตรวจสอบรัฐบาล และแก้ปัญหาให้กับประเทศผ่านทุกกลไกของสภา ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 151, การอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152, การอภิปรายร่วมกันของรัฐสภาตามมาตรา 155 รวมถึงกลไกการตั้งกระทู้ถามสด และกรรมาธิการต่างๆ

"ดังนั้นสิ่งที่เราต้องยืนยันคือ เราพร้อมเป็นตัวแทนในการตรวจสอบรัฐบาล และแก้ปัญหาให้กับประเทศผ่านทุกกลไกของสภา จึงขอยืนยันว่ากลไก มาตรา 151 เป็นอาวุธที่จะมาแน่นอน" พริษฐ์กล่าว

เจาะลึก: มาตรา 151 กลยุทธ์และข้อจำกัด

พริษฐ์ได้อธิบายถึงลักษณะของมาตรา 151 ว่าเป็น "อาวุธที่ทรงพลัง และเป็นอาวุธที่ต้องใช้อย่างแม่นยำ" เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญแล้ว กลไกนี้สามารถใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งต่อปีสมัยประชุมเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าการตัดสินใจใช้อาวุธนี้จะต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลลัพธ์ที่คาดหวัง

"การใช้อาวุธนี้คิดว่าหากจะใช้ก็ต้องหวังผล ทั้งเรื่องการลงมติในสภา หรือการนำเสนอความไม่ชอบธรรมต่างๆ ของรัฐบาล แต่เราก็ไม่อยากให้การใช้อาวุธนี้เสียของ เพราะหากเลือกใช้อาวุธนี้ไป แล้วทำให้นายกรัฐมนตรีอาจพ้นจากตำแหน่ง ด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม จะกลายเป็นว่า เราไม่สามารถใช้อาวุธนี้ได้อีก ในขั้นที่อาจจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาก็ตาม" พริษฐ์กล่าวถึงข้อจำกัดที่สำคัญ

ด้วยปัจจัยและข้อจำกัดเหล่านี้ พรรคประชาชนจะมีการหารือถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการยื่นญัตติ และจะมีการหารือร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจน

พริษฐ์ยังได้โต้แย้งเหตุผลของรัฐบาลที่อ้างว่าต้องให้เวลาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตั้งขึ้นใหม่ในการทำงานก่อน โดยระบุว่า "นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้น เพราะนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันก็ทำงานมาอย่างต่อเนื่อง เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดิม แม้ว่าหน้าตาของคณะรัฐมนตรีจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ซึ่งก็เชื่อว่า รัฐมนตรีบางคนที่จะเข้ามาอยู่ใน ครม.ใหม่นี้ ก็เป็นคนที่ทำงานมาตั้งแต่ ครม.ชุดที่แล้ว"

"อย่างน้อยที่สุด คงต้องรอดูก่อนว่า ครม.ที่จะมีการตั้งขึ้นใหม่นี้ จะประกอบไปด้วยรัฐมนตรีที่เป็นใครบ้าง ในกระทรวงใดบ้าง เราจะได้สรุปได้ถูกว่า นอกจากนายกรัฐมนตรีแล้ว จะมีการยื่นมาตรา 151 กับรัฐมนตรีคนไหนอีกบ้าง" พริษฐ์กล่าวเพิ่มเติม

ข้อเสนอแนะถึงนายกรัฐมนตรี: ทบทวนการทำงาน ยุบสภาคือทางออก

ในระหว่างที่ฝ่ายค้านกำลังหารือกัน พริษฐ์ได้ฝากข้อความถึงนายกรัฐมนตรี โดยเรียกร้องให้ใช้เวลาช่วงนี้ในการทบทวนการทำหน้าที่ของตนเอง "เข้าใจว่าสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน มีหลายวิกฤติเข้ามา ดังนั้น การตัดสินใจของรัฐบาล ก็มีหลายเรื่องที่อาจจะถูกบ้างผิดบ้าง แต่เราในฐานะฝ่ายค้าน ก็พยายามจะเสนอแนะแนวทาง หากเราเห็นว่ารัฐบาลกำลังเดินไปในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง"

พริษฐ์มองว่า คุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำ คือการรู้ตนเองเมื่อตัดสินใจผิดพลาดไป การที่นายกรัฐมนตรีออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ในลักษณะที่ระบุว่าคลิปที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศ สะท้อนให้เห็นว่านายกรัฐมนตรียังไม่ได้ทบทวนอย่างจริงจังถึงข้อผิดพลาดที่ตนเองได้ทำไป

"อยากให้นายกรัฐมนตรีทบทวนในการทำหน้าที่ของตัวเองจริงๆ ว่า พร้อมจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อหรือไม่ พร้อมเป็นหัวเรือในการแก้ปัญหาที่รุมเร้าประเทศเราหรือไม่ หากทบทวนแล้วคิดว่า ตนเองไม่สามารถเรียกความไว้วางใจจากประชาชนกลับคืนมาได้ พรรคประชาชนก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ทางออกที่ดีที่สุดหากเป็นเช่นนั้น คือการยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน" พริษฐ์กล่าว

"จึงอยากให้นายกฯ ใช้เวลาในการทบทวนตรงนี้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ข้อสรุปว่า จะมีการยื่น มาตรา 151 ไปแล้ว ทางเลือกของนายกฯ ในการยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน จะไม่มีอีกต่อไป เพราะตามรัฐธรรมนูญแล้ว หากมีการยื่น มาตรา 151 แล้ว จะไม่สามารถยุบสภาได้" พริษฐ์ย้ำถึงผลกระทบของการใช้อาวุธ ม.151

ภูมิใจไทยร่วมฝ่ายค้าน: การปรับตัวและความร่วมมือ

เมื่อถูกถามถึงการที่พรรคภูมิใจไทยจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายค้าน จะทำให้พรรคประชาชนต้องปรับตัวมากหรือไม่ เนื่องจากดูเหมือนจุดยืนอาจจะไม่เข้ากัน พริษฐ์กล่าวว่า โดยระบบรัฐสภา พรรคที่ทำงานฝ่ายค้านร่วมกันนั้นไม่สามารถเลือกได้

"ผมก็เคยเปรียบเปรยไว้ว่า เวลาเขาร่วมรัฐบาล เหมือนคนที่ตกลงเป็นแฟนกัน แต่พรรคฝ่ายค้าน คือคนโสดที่เหลืออยู่ร่วมกัน เลือกไม่ได้ ซึ่งตั้งแต่ที่มีสภาชุดนี้มา เราก็อยู่ในซีกฝ่ายค้านร่วมกับพรรคอื่นเต็มไปหมด บางพรรคตอนแรกเป็นฝ่ายค้าน พอมีโอกาสร่วมรัฐบาลก็ไปร่วมทันที บางพรรคอาจจะเคยอยู่ร่วมรัฐบาล ก็มีครึ่งหนึ่งมาเป็นฝ่ายค้าน" พริษฐ์กล่าวเปรียบเทียบ

อย่างไรก็ตาม พริษฐ์ย้ำว่า พรรคประชาชนยังคงทำงานตามจุดยืนและแนวทางของตนเอง "อะไรที่ต้องมีความร่วมมือกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ก็ทำงานโดยการให้เกียรติกันและกัน แต่ต้องรักษาจุดยืนและหลักการของตัวเอง"

ภาพข่าวการเมือง
บทบาทฝ่ายค้าน: ความท้าทายและโอกาส

การรวมตัวของฝ่ายค้านเป็นกลไกสำคัญในการตรวจสอบรัฐบาล และเป็นเสียงสะท้อนของประชาชนในสภา

ภาพข่าวการเมือง
การเมืองไทย: พลวัตที่เปลี่ยนแปลงเสมอ

การเมืองไทยเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง การปรับตัวและยืนหยัดในหลักการคือหัวใจสำคัญของการทำงานทางการเมือง

สรุปประเด็นสำคัญ

พรรคประชาชนพร้อมสนับสนุนการใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 โดยมองว่าเป็นกลไกสำคัญในการตรวจสอบรัฐบาล และพร้อมเป็นตัวแทนของประชาชนในการทำหน้าที่นี้

มาตรา 151 สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวต่อปีสมัยประชุม ทำให้ต้องใช้อย่างแม่นยำและวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด และไม่ควรใช้ในลักษณะที่จะทำให้ไม่สามารถใช้อาวุธนี้ได้อีกในอนาคต

นายกรัฐมนตรีควรทบทวนการทำงานของตนเอง หากไม่สามารถเรียกความไว้วางใจจากประชาชนกลับคืนมาได้ การยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชนคือทางออกที่ดีที่สุด

พรรคประชาชนยังคงทำงานตามจุดยืนของตนเอง โดยพร้อมให้เกียรติและร่วมมือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่ยังคงรักษาหลักการของพรรคไว้