×

กรุณาใส่รหัสผ่าน

×

แก้ไข index.html

ไทย-กัมพูชา: เมื่อการส่งออกน้ำมันสั่นคลอน

วิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบายแบนน้ำมันไทยในกัมพูชา และแนวโน้มราคาพลังงาน

ภาพรวมสถานการณ์น้ำมัน: ไทยกับความท้าทายการพึ่งพาการนำเข้า

ประเทศไทยแม้จะเป็นผู้ผลิตน้ำมัน แต่สัดส่วนการผลิตภายในประเทศนั้นอยู่ที่ประมาณ 10% เท่านั้น ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปส่วนใหญ่กว่า 90% ต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเพื่อป้อนเข้าสู่โรงกลั่น อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 ที่ผ่านมา กำลังการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปจากโรงกลั่นในประเทศมีปริมาณเฉลี่ยสูงถึง 174 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งสูงกว่าความต้องการใช้ภายในประเทศที่ประมาณ 152 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนที่เกินมานี้ ประเทศไทยได้ทำการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอาเซียน

ตลาดส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของไทย

ประเทศคู่ค้าหลัก

ไทยส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปยังประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่ง ได้แก่ กัมพูชา, เวียดนาม, ลาว, สิงคโปร์, มาเลเซีย, เมียนมา, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทของไทยในฐานะผู้จัดหาพลังงานในภูมิภาค

กัมพูชา: ตลาดสำคัญ

สำหรับกัมพูชาซึ่งพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากภายนอกถึง 100% นั้น การนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากไทยคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของความต้องการทั้งหมด โดยในปี 2566 มีมูลค่าการนำเข้าสูงถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 55,475 ล้านบาท) การพึ่งพิงนี้สะท้อนถึงความสำคัญของไทยในฐานะแหล่งพลังงานหลักของกัมพูชา

การส่งออกคิดเป็นสัดส่วน

การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปยังกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมดของไทย เมื่อดีลนี้หายไป แม้จะมีตลาดอื่นรองรับ เช่น ลาวและเมียนมาที่อาจเพิ่มการนำเข้า แต่ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตและผู้ค้าน้ำมันของไทย

ผลกระทบจากนโยบายแบนน้ำมัน: กัมพูชาเผชิญความท้าทาย

เมื่อกัมพูชาประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันจากไทย ย่อมหมายถึงการที่กัมพูชาต้องเร่งหาแหล่งผลิตน้ำมันสำเร็จรูปมาชดเชยปริมาณ 50% ที่หายไปทันที การเปลี่ยนแหล่งซื้อน้ำมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น เนื่องจากต้องพิจารณาถึงกำลังการผลิตของโรงกลั่นแต่ละแห่ง ปริมาณน้ำมันสำรองที่มีอยู่ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อต้นทุนและราคาของน้ำมันสำเร็จรูป

คาดการณ์ว่ากัมพูชาอาจต้องหันไปนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากมาเลเซียหรือสิงคโปร์ ซึ่งแน่นอนว่าราคาจะปรับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับกัมพูชาต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนเชื้อเพลิงพลังงาน และเมื่อราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนหลักของภาคพลังงานและอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้น ย่อมส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังค่าครองชีพและราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ให้ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

ผลกระทบต่อฝั่งไทย: ภาพรวมและความคาดหวัง

สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากการที่กัมพูชาหยุดนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป อาจไม่รุนแรงเท่าที่กัมพูชาคาดการณ์ไว้ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า นโยบายดังกล่าวคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทมากนัก เนื่องจากจำนวนสถานีบริการน้ำมันของ OR ในกัมพูชามีเพียง 186 แห่งเท่านั้น เมื่อเทียบกับจำนวนกว่า 2,000 แห่งในประเทศไทย

แม้จะมีผลกระทบบ้าง แต่ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปของไทยยังมีประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ที่ยังคงมีความต้องการและอาจเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อได้ ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบจากการสูญเสียตลาดกัมพูชาไปได้ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศ และความจำเป็นในการบริหารจัดการทรัพยากรพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว