ที่โลกจับตาในยุคแห่งข้อมูลและ AI 🔥⚠️
ในยุคที่ ข้อมูล (Data) กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาล และการโจมตีทางไซเบอร์กลายเป็นความเสี่ยงที่ไม่เลือกเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ธนาคาร หรือบริษัทเทคโนโลยีขนาดยักษ์ อุตสาหกรรม Cybersecurity จึงทะยานขึ้นมาเป็น “แนวหน้า” ที่โลกให้ความสำคัญมากที่สุด
รายงานประเมินว่า ตลาด Cybersecurity ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 301.91 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 และคาดว่าจะเติบโตแตะ 878.48 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2034 หรือเติบโตเฉลี่ยถึง 12.6% ต่อปี นับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความ ยืดหยุ่นสูง และ ศักยภาพในการขยายตัวสูง ซึ่งหาได้ยากในเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน
ในโลกของตลาดทุน หุ้นในกลุ่ม Cybersecurity จึงกลายเป็นกลุ่มที่น่าจับตาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ “9 ผู้นำ” ที่มีการเติบโตของรายได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเราจะพาคุณไปเจาะลึกแต่ละบริษัท พร้อมวิเคราะห์จุดเด่น จุดต่าง และแนวโน้มการเติบโตในอนาคต เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจลงทุน
มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ ด้วยเครือข่ายกระจายกว่า 300 เมืองทั่วโลก มอบความเร็วสูง ความเสถียร และ latency ต่ำ ผสาน DDoS Protection, Web Application Firewall, และ Zero Trust Security ในแพลตฟอร์มเดียว ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการด้านความปลอดภัยสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ รองรับ Hybrid Cloud Architectures และติดตั้งแบบไร้รอยต่อ
โดดเด่นในฐานะผู้ให้บริการ Cloud Data Management และ Ransomware Recovery สำหรับองค์กรที่ต้องจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ข้ามหลายระบบ Cloud พัฒนาแพลตฟอร์มที่สามารถสำรองข้อมูลอัตโนมัติ กู้คืนได้ทันที และมีฟีเจอร์ด้าน Data Compliance อย่างครบถ้วน สามารถรวมการทำงานของระบบ cloud ต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้ในแพลตฟอร์มเดียว เน้นความเรียบง่าย ความอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ภัยคุกคามเชิงลึก
ครองตำแหน่งผู้นำด้าน Endpoint Security ด้วยแพลตฟอร์ม Falcon ที่ทำงานแบบ Cloud-native ใช้ AI ตรวจจับภัยคุกคามแบบ Real-Time และมี Telemetry Database ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จุดเด่นคือความเบาของระบบ (lightweight agent) ที่ไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ และความสามารถในการตอบสนองเหตุการณ์ความปลอดภัยอย่างฉับไว ผสานข้อมูลจากหลายแหล่งทั่วโลกเข้ากับ AI เป็น "สมองกลาง" ของการวิเคราะห์และรับมือกับภัยคุกคามยุคใหม่
พัฒนาระบบ Singularity XDR ซึ่งรวมการป้องกันที่ครอบคลุมทั้ง endpoint, cloud, และ identity เข้าไว้ด้วยกันในระบบเดียว โดยมีหัวใจสำคัญคือ AI และ Machine Learning จุดแข็งคือความสามารถในการตอบสนองแบบอัตโนมัติ ลดการพึ่งพาการตรวจสอบจากมนุษย์ และเพิ่มความเร็วในการรับมือกับภัยคุกคาม เป็นตัวอย่างของ Cybersecurity สาย “Autonomous” ที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเองแบบสมบูรณ์แบบ
ผู้นำด้าน Zero Trust Network Access (ZTNA) พัฒนาแพลตฟอร์ม Zero Trust Exchange ที่สามารถเชื่อมต่อผู้ใช้งาน อุปกรณ์ และแอปพลิเคชันได้จากทุกที่ในโลกอย่างปลอดภัย ระบบรองรับการทำงานแบบ Cloud-native มีความสามารถในการวิเคราะห์ภัยคุกคามแบบ real-time และรองรับการทำงานร่วมกับ SaaS และ Cloud Providers ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความปลอดภัยโดยไม่ลดความคล่องตัวในยุคที่พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้
โฟกัสที่ตลาดเฉพาะด้าน Privileged Access Management (PAM) และ Identity-Centric Security เน้นการป้องกันการเข้าถึงจากภายในและการเคลื่อนไหวของผู้โจมตีในระบบ ระบบรองรับการเชื่อมต่อกับ DevOps, Hybrid Cloud และระบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความซับซ้อนในการจัดการสิทธิ์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมภายในองค์กร
สร้างชื่อจากกลยุทธ์ “Platformization” ที่รวม Network Security, Cloud Security และ Security Operations เข้าด้วยกันภายใต้แพลตฟอร์มเดียว จุดเด่นคือการใช้ Precision AI เพื่อตรวจจับภัยคุกคามอย่างแม่นยำ พร้อมความสามารถในการขยายระบบได้ทั่วโลก รายได้จากกลุ่ม Next-Generation Security พุ่งขึ้นถึง 37% ในปี 2025 และกำลังขยายเข้าสู่ตลาด SIEM ด้วยโซลูชัน XSIAM
เจ้าตลาด Firewall มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% โดดเด่นด้านประสิทธิภาพพลังงานและความเร็ว เนื่องจากใช้ ชิป ASIC ที่บริษัทพัฒนาเอง FortiAI ของ Fortinet ผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับ Security Fabric อย่างครบวงจร และถือครองสิทธิบัตรด้าน AI กว่า 500 รายการ
ผู้นำด้าน Identity & Access Management (IAM) มีลูกค้าองค์กรกว่า 70,000 รายทั่วโลกที่ใช้งานแพลตฟอร์ม Zero Trust Security มีเงินสดในมือกว่า $2.5 พันล้าน และสร้าง Free Cash Flow ได้ถึง $730 ล้านในปี 2025 สะท้อนถึงความมั่นคงและความสามารถในการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว
ในโลกที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์เกิดขึ้นทุกวินาที และ “ความปลอดภัย” กลายเป็น “แต้มต่อเชิงธุรกิจ” การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Cybersecurity จึงไม่ใช่แค่ตามเทรนด์ แต่คือ “การวางรากฐานของอนาคต”
เราได้แบ่งกลุ่มหุ้นตามลักษณะการเติบโตและจุดแข็งที่น่าสนใจดังนี้:
Cloudflare ($NET)
Rubrik ($RBRK)
SentinelOne ($S)
Palo Alto Networks ($PANW)
Fortinet ($FTNT)
Okta ($OKTA)
CrowdStrike ($CRWD)
SentinelOne ($S)
Zscaler ($ZS)
เพราะในโลกอนาคต “ปลอดภัย” ไม่ใช่ทางเลือก — แต่มันคือ “ความจำเป็น”